กิจกรรมประชุมหารือแนวทางการพัฒนานวัตกรรมชุดตรวจสารเสพติดในเส้นผม

เมื่อวันอังคารที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 09.30 น. ผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิจัย ประกอบด้วย ศ.พล.ต.ต.หญิง ดร.พัชรา สินลอยมา ผู้อำนวยการศูนย์กลางองค์ความรู้สากลด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในประเทศไทย ผศ.ดร.สมชาย เชื้อวัชรินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีชีวภาพทางการแพทย์ เครือข่ายศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านชุดตรวจวินิจฉัย เครือข่ายศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด  ได้ร่วมประชุมหารือแนวทางการพัฒนานวัตกรรมชุดตรวจสารเสพติดในเส้นผม  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือในการดำเนินงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ภายใต้การบูรณาการองค์ความรู้ เทคโนโลยี และแนวทางปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งขับเคลื่อนนวัตกรรมไปสู่ระดับความพร้อมทางเทคโนโลยี (Technology Readiness Level: TRL) ในระดับ 9  ซึ่งเป็นความพร้อมทางเทคโนโลยีที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในภาคสนาม ทั้งในด้านเทคนิคและการใช้งานที่สะดวก รวดเร็ว และเชื่อถือได้ โดยเฉพาะในการสืบสวนสอบสวน ตรวจค้นและจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด อันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและลดความเสี่ยงในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ โดยการประชุมในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจากศูนย์ต่าง ๆ ประกอบด้วย

  1. ศูนย์กลางองค์ความรู้สากลด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในประเทศไทย
  2. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีชีวภาพทางการแพทย์
  3. ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านชุดตรวจวินิจฉัย
  4. ศูนย์พัฒนาชุดตรวจวินิจฉัยตามมาตรฐานสากล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  5. ศูนย์วิจัยความเป็นเลิศด้านการวิเคราะห์สารปริมาณน้อยและไบโอเซนเซอร์ (Tab-Coe)
  6. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีปิโตรเคมีและวัสดุ

ผลการประชุมสามารถสรุปได้ดังนี้

 

ปัญหาและความสำคัญในการพัฒนาชุดตรวจสารเสพติดในเส้นผม พบว่า ปัจจุบันปัญหายาเสพติดยังคงเป็นปัญหาที่แพร่หลายและทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ รวมถึงผลกระทบในระดับนานาชาติ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่จำเป็นและเร่งด่วนที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว โดยเฉพาะกัญชา ที่ถูกกำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 ให้ทุกส่วนของพืชกัญชา-กัญชง ไม่เป็นยาเสพติด ยกเว้นสารสกัดที่มีปริมาณสารเตตราไฮโดร
แคนาบินอล (Tetrahydrocannabinol – THC) เกิน 0.2 % ที่ยังเป็นยาเสพติดให้โทษ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีชุดตรวจที่สามารถใช้ในการตรวจวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้องเพื่ออำนวยความสะดวกในการทดสอบภาคสนาม ทำให้เกิดความยากลำบากในการบังคับใช้กฎหมายและการจับกุม ดังนั้น การพัฒนาชุดตรวจ Test Kit หาปริมาณสาร THC ที่มีค่า Cutoff 0.2 นาโนกรัม/มิลลิกรัม ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจและท้าทาย เนื่องจากต้องอาศัยเทคโนโลยีการตรวจวิเคราะห์ที่มีความไวสูง และกระบวนการสกัดสารเสพติดจากเส้นผมที่มีประสิทธิภาพ จึงเป็นก้าวสำคัญ  ที่ต้องใช้ทั้งองค์ความรู้ด้านนิติวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีชีวภาพ และวิศวกรรมการแพทย์ เพื่อนำไปสู่นวัตกรรม
ที่สามารถนำมาใช้งานจริงในการช่วยสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย และลดปัญหายาเสพติดในสังคมอย่างเป็นระบบ

ปัจจุบันการตรวจสารเสพติดในเส้นผมดำเนินการโดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการLC-MS (Liquid Chromatography-Mass Spectrometry) ซึ่งสามารถตรวจวัดระดับปริมาณสารเสพติดในเส้นผมได้ในช่วง 0.05 – 1.25 นาโนกรัม/มิลลิลิตร หรือในกรณีของมิลลิกรัมเส้นผม จะอยู่ในช่วงระดับนาโนกรัม ถึง พิโคกรัม การพัฒนาชุดตรวจวิเคราะห์สารเสพติดจากเส้นผมจำเป็นต้องมีความไวสูงกว่าชุดตรวจปัสสาวะ เนื่องจากสารเสพติดที่ถูกกักเก็บอยู่ในเส้นผมจะสะสมอยู่ภายในแกนกลางของเส้นผม (Cortex) กระบวนการสกัด (Extraction) สารเสพติดในเส้นผม จำเป็นต้องใช้ตัวอย่างในปริมาณมาก ซึ่งเป็นขั้นตอนที่มีความท้าทาย ดังนั้น การพัฒนาชุดตรวจสำหรับการใช้งาน Field Test จำเป็นต้องพิจารณาแนวทางการเตรียมตัวอย่าง (Sample Preparation) ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถสกัดสารเสพติดในระดับนาโนกรัมถึงพิโคกรัมออกมาในรูปของ Solution ที่พร้อมสำหรับการทดสอบด้วยชุดตรวจได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว  การตรวจสารเสพติดในเส้นผมเป็นเทคนิคที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากสามารถตรวจสอบประวัติการใช้สารเสพติดย้อนหลังได้เป็นระยะเวลาประมาณ 90 วัน แตกต่างกับกรณีตรวจสารเสพติดในเลือดหรือปัสสาวะที่สามารถตรวจสอบได้ในระยะเวลาไม่นาน

อย่างไรก็ตาม วิธีการตรวจในปัจจุบันยังคงมีข้อจำกัด ทั้งในด้านต้นทุน ระยะเวลา และความสะดวกในการใช้งาน ดังนั้น การพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อปรับปรุงวิธีการตรวจสารเสพติดในเส้นผม จึงเป็นเรื่องที่     ท้าทายและเป็นสิ่งจำเป็น โดยแนวทางสำคัญดังนี้

1) การพัฒนาชุดตรวจ ATK  ด้วยหลักการของภูมิคุ้มกันวิทยา (Immunoassay) เช่น ชุดตรวจCOVID-19 เป็นการตรวจหา Antigen โดยใช้ Antibody เข้าไปจับ เพื่อระบุการติดเชื้อ SARS-Cov-2 โดยตรวจจับโปรตีน Antigen ที่อยู่บนผิวของไวรัส ดังนั้น แนวทางการพัฒนาชุดตรวจสำหรับการตรวจสารเสพติด จะต้องมีหลักการที่ต้องพิจารณาถึง ดังนี้

(1) Antigenic Determinants ของยาเสพติดที่สำคัญ เช่น การเลือกส่วนประกอบของยาเสพติดที่สามารถกระตุ้นการสร้าง Antibody เพื่อใช้ในการตรวจจับสารเสพติดอย่างจำเพาะเจาะจง การเลือก Antigenic Determinants ที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความไวและความจำเพาะของการตรวจวิเคราะห์ ทำให้สามารถตรวจจับสารเป้าหมายได้อย่างแม่นยำแม้มีปริมาณน้อยมากในตัวอย่างเส้นผม

(2) ต้องกำหนด ค่า Cutoff ที่สามารถตรวจจับสารเสพติดในระดับที่เหมาะสมกับการใช้งานโดยการตั้งค่า Cutoff ต้องคำนึงถึงความไว (Sensitivity) และความจำเพาะ (Specificity) เพื่อให้ได้ผลที่เชื่อถือได้

(3) จำนวน Sample Size เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีความแม่นยำและมีความน่าเชื่อถือ จำเป็นต้องพิจารณาจำนวนตัวอย่างที่เพียงพอต่อการทดสอบความไวและความจำเพาะของชุดตรวจ

(4) ความจำเพาะในสิ่งที่ต้องการตรวจหา โดยจะต้องกำหนด Target ที่ชัดเจนในการตรวจสอบสารเสพติด โดยต้องพิจารณาความจำเพาะ (Specificity) ในการตรวจสารเสพติดที่เฉพาะเจาะจง เช่น การเลือกตรวจสารเสพติดประเภทใด ใช้ในกลุ่มเป้าหมายใด เพื่อให้ผลการทดสอบที่ได้มีความแม่นยำและตอบโจทย์ที่ต้องการ

2) การประยุตก์ใช้นวัตกรรมระบบ E-Nose ที่สามารถตรวจวิเคราะห์สารเสพติดและให้ผลการตรวจสอบภายในเวลา 30 วินาที รองรับการคัดกรองกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง (Mass – Screening) ซึ่งเป็นเครื่องมือสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ให้สามารถตรวจสอบสารเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ สำหรับการพัฒนานวัตกรรมการตรวจสารเสพติดในเชิงการปฏิบัติงานสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย การใช้อุปกรณ์ที่มีขนาดพกพาและใช้งานได้ง่ายจะเป็นปัจจัยสำคัญ เนื่องจากผู้ปฏิบัติงานจำเป็นต้องมีเครื่องมือที่สะดวก รวดเร็ว และสามารถใช้งานได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเมื่อมีการขนย้ายหรือเคลื่อนย้ายสารเสพติดในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดในด้านเวลาและสถานที่หาก E-Nose ได้รับการพัฒนาให้มีขนาดเล็ก พกพาง่าย และมีความแม่นยำในการตรวจหาสารเสพติด สามารถเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับการตรวจสอบยาเสพติดในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจหาสารเสพติดได้อย่างรวดเร็วในสถานการณ์จริง

3) การพัฒนาชุดตรวจที่ใช้เทคโนโลยี Electrochemistry ซึ่งทำงานโดยการใช้ Probe Sensorที่สามารถจับสารเป้าหมายได้ โดยเมื่อสารเป้าหมายจับกับ Probe จะเกิดการปลดปล่อยพลังงานในรูปแบบสัญญาณไฟฟ้า สามารถนำไปใช้ในการวัดค่าในเชิง Quantitative Analysis หรือการวัดในลักษณะ Semi-Quantitative Analysis เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการตรวจ THC ได้ โดยการพัฒนาให้สามารถวัดได้ที่ค่า Cutoff 0.2 โนกรัม/มิลลิกรัม ซึ่งเป็นค่าที่สำคัญสำหรับการตรวจสารเสพติดในระดับเบื้องต้น ทั้งนี้ จำเป็นต้องดำเนินการ Calibration อย่างแม่นยำ พร้อมทั้งใช้ Reference Material ในกระบวนการปรับเทียบ   ค่ามาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์ที่ได้มีความถูกต้องและเชื่อถือได้ตามมาตรฐานที่กำหนด

การพัฒนาชุดตรวจสารเสพติดให้มีความแม่นยำ ใช้งานง่าย และให้ผลลัพธ์รวดเร็ว จะส่งผลดีต่อหลายภาคส่วน และยังสอดรับกับเป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ที่สำคัญ (Objective and Key Results – OKR) ของการสร้างศูนย์กลางองค์ความรู้ (Hub of Knowledge) ตามยุทธศาสตร์ของแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2566– 2570 รวมถึงการขับเคลื่อนนวัตกรรมไปสู่ระดับความพร้อมทางเทคโนโลยีหรือ Technology Readiness Level: TRL ในระดับ 9  ซึ่งเป็นระดับที่เทคโนโลยีหรือผลิตภัณฑ์พร้อมใช้งานในภาคสนาม และเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีให้มีความพร้อมและสามารถแข่งขันได้ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ โดยมีผู้ที่ได้รับประโยชน์หลัก ดังนี้

1) เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ได้นวัตกรรมการตรวจสารเสพติดสำหรับเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจคัดกรองและสอบสวนคดีที่เกี่ยวข้องกับสารเสพติด ลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ด้วยกระบวนการตรวจที่สะดวกและรวดเร็วขึ้น โดยมีนวัตกรรมการตรวจสารเสพติด ดังนี้

(1) นวัตกรรมชุดตรวจสารเสพติด สำหรับกัญชา ในรูปแบบ Test Kit  ที่สามารถตรวจหาสาร THC ที่ค่า Cutoff 0.2 นาโนกรัม/มิลลิลิตร ซึ่งเป็นระดับที่ถูกกำหนดไว้ในประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 โดยกำหนดให้สารสกัดที่มีปริมาณสาร Tetrahydrocannabinol (THC) เกิน 0.2 % ที่ยังเป็นยาเสพติดให้โทษ ปัจจุบันการควบคุมและตรวจสอบการใช้กัญชาที่มีปริมาณสาร THC เกินเกณฑ์ที่กำหนดยังคงเป็นปัญหาสำคัญ เนื่องจากไม่มีชุดตรวจที่สามารถใช้งานได้สะดวกและให้ผลลัพธ์
ที่แม่นยำในการทดสอบภาคสนาม โดยเฉพาะการตรวจสาร THC ที่มีค่า Cutoff 0.2 นาโนกรัม/มิลลิลิตร ดังนั้น การพัฒนาชุดตรวจสารเสพติด สำหรับกัญชา จึงเป็นนวัตกรรมที่ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถคัดกรองและตรวจสอบการใช้สารเสพติดได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยอำนวยความสะดวกในการตรวจสอบภาคสนาม ลดความยุ่งยากในการจับกุมและดำเนินคดี อันเป็นการสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

(2) นวัตกรรมชุดตรวจสารเสพติดในเส้นผม ในรูปแบบ Test Kit  ที่สามารถตรวจสารเสพติดในเส้นผมย้อนหลังได้เป็นระยะเวลานาน ตั้งแต่ 3 เดือนจนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับความยาวของเส้นผม ซึ่งปัจจุบัน      ยังไม่มีชุดตรวจเพื่ออำนวยความสะดวกในการทดสอบภาคสนาม หรือการใช้งานนอกห้องปฏิบัติการ การตรวจวิเคราะห์ต้องอาศัยเครื่องมือทางห้องปฏิบัติการที่มี เช่น LC-MS ที่มีความซับซ้อน ต้นทุนสูง ใช้เวลานาน และ  ไม่สามารถนำไปใช้ในการตรวจสอบภาคสนามได้  ดังนั้น นวัตกรรมชุดตรวจสารเสพติดในเส้นผม (Test Kit) จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจคัดกรองสารเสพติดที่สะดวก ใช้งานได้ง่าย ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก และให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ซึ่งช่วยลดภาระงานของเจ้าหน้าที่เพิ่มความคล่องตัวในการตรวจสอบภาคสนาม และตอบโจทย์การควบคุมและป้องกันปัญหายาเสพติดในสังคมได้

(3) นวัตกรรม Electronic Nose (E-Nose) หรือ จมูกอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับการตรวจสารเสพติด  E-Nose เป็นเทคโนโลยีที่สามารถตรวจวัดและวิเคราะห์กลิ่นได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะสารเสพติดต่าง ๆ  เช่น กัญชา เมทแอมเฟตามีน เฮโรอีน โคเคน เป็นต้น เพื่อใช้ในการคัดกรองเบื้องต้น ก่อนการตรวจสอบด้วยเทคนิคที่ซับซ้อนและละเอียดมากขึ้น E-Nose ยังสามารถตรวจจับสารเสพติดในลมหายใจ เพื่อหาสารเสพติดที่อาจตกค้างอยู่ซึ่งสารเสพติดบางชนิด เช่น แอลกอฮอล์ เมทแอมเฟตามีน และโคเคน สามารถทิ้งสารระเหยไว้ในลมหายใจหลังการเสพ นอกจากนี้ E-Nose ยังสามารถวิเคราะห์กลิ่นจากเหงื่อ ปัสสาวะ หรือผิวหนังได้ เนื่องจากผู้เสพสารบางชนิดจะมีการเปลี่ยนแปลงในสารระเหยที่ออกมาทางผิวหนัง หรือของเสียที่ถูกขับออกจากร่างกายและสามารถ นำ E-Nose ไปติดตั้งในภาคสนาม หรือ จุดตรวจ เช่น สนามบิน ด่านตรวจ หรือสถานที่เสี่ยง เพื่อ   คัดกรองกระเป๋าสัมภาระ หรือตัวบุคคลว่าอาจมีสารเสพติดโดยไม่ต้องเปิดดู  ดังนั้น การใช้ E-Nose สำหรับการตรวจสารเสพติด จึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญและมีความเหมาะสมต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่  สะดวก รวดเร็ว และไม่ต้องใช้สารเคมีหรือขั้นตอนที่ซับซ้อน และไม่ทำให้ได้รับบาดเจ็บ (non-invasive) ทั้งนี้ ในหลายประเทศมีการนำ E-Nose มาใช้ในการตรวจจับและสกัดกั้นยาเสพติด เช่น ท่าเรือรอตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ท่าเรือแอนต์เวิร์ป ประเทศเบลเยี่ยม ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน อินเดีย เป็นต้น

3) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเป็นผู้พัฒนานวัตกรรมการตรวจสารเสพติด สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจคัดกรองและสอบสวนคดีที่เกี่ยวข้องกับสารเสพติดเป็นประเทศแรกในเอเชีย ซึ่งเป็นนวัตกรรมการตรวจวิเคราะห์สารเสพติดได้ในปริมาณน้อย มีความแม่นยำสูง และสามารถใช้ได้ภาคสนามได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับเป็นเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง สนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการบังคับใช้กฎหมายและมีประโยชน์ต่อสาธารณชนอย่างชัดเจน รวมถึงการตอบโจทย์ Technology Readiness Level (TRL) ในระดับ 9 โดยการบูรณการจากศูนย์กลางองค์ความรู้สากลด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในประเทศไทย
และศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านชุดตรวจวินิจฉัย ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ในการขับเคลื่อนด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในประเทศอย่างยั่งยืน

4) ประชาชนและภาคสังคม สามารถใช้นวัตกรรมการตรวจสารเสพติดสำหรับตรวจคัดกรองสารเสพติดในครอบครัวและสถานศึกษา รวมถึงการตรวจสอบภายในสถานประกอบการที่มีความต้องการรักษามาตรฐานความปลอดภัยสูง เช่น โรงงานอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของสารเสพติดในสังคม เนื่องจากสามารถตรวจพบการใช้สารเสพติดได้ย้อนหลังและเป็นระยะเวลานานซึ่งช่วยสนับสนุนการป้องกันและควบคุมปัญหาสังคมที่เกี่ยวข้องกับสารเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการลดอุบัติเหตุที่เกิดจากผู้เสพสารเสพติดและการเกิดอาชญากรรมที่เกี่ยวข้อง

5) ภาครัฐและประเทศ สามารถลดงบประมาณในการดำเนินคดีและการฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดรวมถึงสนับสนุน ควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดอย่างมีระบบ นอกจากนี้ ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมด้านการตรวจสารเสพติด และเพิ่มโอกาสในการสร้างนวัตกรรมที่มีศักยภาพในการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ ซึ่งจะเสริมสร้างความเป็นผู้นำทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กับประเทศและเสริมสร้างความร่วมมือในระดับสากล

กิจกรรมประชุมหารือแนวทางการพัฒนานวัตกรรมชุดตรวจสารเสพติดในเส้นผม Read More »

ความรู้เกี่ยวกับ “ยาเสพติด” “กัญชา” “พืชกระท่อม” และ “สารระเหย” สำหรับประชาชน ชุมชน และท้องถิ่น

ความรู้เกี่ยวกับ “ยาเสพติด” “กัญชา” “พืชกระท่อม” และ “สารระเหย” สำหรับประชาชน ชุมชน และท้องถิ่น Read More »

กฎหมายในชีวิตประจำวัน เด็ก เยาวชน และประชาชน

กฎหมายในชีวิตประจำวัน เด็ก เยาวชน และประชาชน Read More »

วช. หนุน DLET-Hub & PSDP-Hub จับมือ รร.นายร้อยตำรวจ ผนึกกำลังวิจัย สร้างศูนย์กลางความรู้-เครือข่าย พิชิตปัญหายาเสพติดด้วยนวัตกรรม

วช. หนุน DLET-Hub & PSDP-Hub จับมือ รร.นายร้อยตำรวจ ผนึกกำลังวิจัย สร้างศูนย์กลางความรู้-เครือข่าย พิชิตปัญหายาเสพติดด้วยนวัตกรรม

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เข้าร่วมการประชุมทางวิชาการเพื่อเผยแพร่และขยายผลการดำเนินงาน “ศูนย์กลางองค์ความรู้ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดและศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านการบังคับใช้กฎหมายยาเสพติด” โดยได้รับเกียรติจาก พลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ปราบปราม ป้องกัน ฟื้นฟู: ยุทธศาสตร์ตำรวจไทยเพื่อแก้ปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน เพื่อสังคมปลอดยาเสพติด” ในโอกาสนี้ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ นางสาวศิรินทร์พร เดียวตระกูล ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบวิจัย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นผู้แทนเข้าร่วมการประชุมและปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ: พลังขับเคลื่อนงานวิจัยสู่แนวปฏิบัติในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด”และการประชุมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ พลตำรวจตรี ดร.ชัชนันท์ ลีระเติมพงษ์ รองผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และผู้บริหารศูนย์ DLET-Hub กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุม พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ พลตำรวจตรีหญิง ดร.พัชรา สินลอยมา หัวหน้าศูนย์ PSDP-Hub ให้การต้อนรับ รวมทั้งได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้บริหารระดับสูงจากหลากหลายหน่วยงานเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ณ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ จังหวัดนครปฐม

พลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจริจรัสธำรงค์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การประชุมทางวิชาการในครั้งนี้เป็นการเผยแพร่และขยายผลการดำเนินงานของ “ศูนย์กลางองค์ความรู้ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดและศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านการบังคับใช้กฎหมายยาเสพติด” ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญระดับชาติที่ส่งผลกระทบต่อสังคมไทยอย่างรุนแรง ทั้งด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และความมั่นคง การแก้ไขปัญหาดังกล่าวจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทุกคน โดยศูนย์ทั้ง 2 แห่งนี้ เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของประเทศ โดยมีบทบาทในการรวบรวมองค์ความรู้ผู้เชี่ยวชาญประสบการณ์ และแนวปฏิบัติที่ดี ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเพื่อนำไปเผยแพร่และขยายผลให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนทั่วไป การประชุมทางวิชาการในวันนี้ เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์และแนวคิดในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเพื่อนำไปต่อยอดและพัฒนาการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นางสาวศิรินทร์พร เดียวตระกูล ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบวิจัย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ภายใต้กระทรวง อว.ได้เดินหน้าแก้ปัญหายาเสพติด 1 ใน 10 นโยบายเร่งด่วนวาระแห่งชาติ การตัดต้นตอการผลิตและจำหน่ายด้วยการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน การสกัดกั้น ควบคุมการลักลอบนำเข้าและตัดเส้นทางการลำเลียงยาเสพติด การปราบปรามและการยึดทรัพย์ผู้ค้าอย่างเด็ดขาด การค้นหาผู้เสพในชุมชนเพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษา การบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด การฝึกอาชีพ การศึกษา และการฟื้นฟูสภาพทางสังคม การทำระบบติดตามดูแลช่วยเหลือเพื่อไม่ให้กลับไปสู่วงจรยาเสพติดอีก เพื่อคืนคนคุณภาพกลับสู่สังคม โดย วช. เป็นหน่วยงานหลักในการให้ทุนวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ ตั้งแต่การวิจัยจนถึงการนำไปใช้ประโยชน์ ไปสู่การสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมที่สามารถนำมาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างครบวงจรด้วยวิจัยและนวัตกรรม วช. ขอร่วมเป็นพลังขับเคลื่อนงานวิจัย เพื่อสร้างสังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติด

ศาสตราจารย์ พลตำรวจตรีหญิง ดร.พัชรา สินลอยมา หัวหน้าศูนย์ PSDP-Hub กล่าวว่าโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้รับการสนับสนุนทุนการทำกิจกรรม จาก วช. ในปีงบประมาณ 2566 จนถึงปัจจุบัน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดย ศูนย์ PSDP-Hub เป็นศูนย์กลางด้านความรู้ หรือ Hub of Knowledge เกี่ยวกับกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมกระบวนการสาธารณสุขและกระบวนการทางชุมชน ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดดำเนินการรวบรวมองค์ความรู้ด้านยาเสพติดจากฐานข้อมูลทางวิชาการและประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นการดำเนินงานควบคู่ไปกับ DLET HUB ศูนย์ DLET-Hub ซึ่งเป็นศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญ หรือ Hub of Talents ที่ได้รวบรวมบุคลากรศักยภาพสูง จากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายยาเสพติด เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และส่งต่อไปยังผู้ใช้ประโยชน์กลุ่มต่าง ๆ ผ่านกิจกรรมการประชุม อบรม สัมมนา หรือเวทีทางวิชาการ โดยทั้ง 2 ศูนย์ฯ มีการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล เป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสาร และเป็นพื้นที่คลังปัญญาของบรรดาผู้เชี่ยวชาญ ด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ

การประชุมครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมทั้งในรูปแบบออนไซต์และออนไลน์ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 200 คน ประกอบด้วยอาจารย์มหาวิทยาลัย เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข และนักเรียน นักศึกษา เพื่อร่วมพูดคุยและแลกเปลี่ยนถึงแนวทางด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเครือข่ายการทำงานร่วมกันในอนาคต นับเป็นก้าวสำคัญในการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาควิชาการ เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเป็นระบบและยั่งยืน

 

วช. หนุน DLET-Hub & PSDP-Hub จับมือ รร.นายร้อยตำรวจ ผนึกกำลังวิจัย สร้างศูนย์กลางความรู้-เครือข่าย พิชิตปัญหายาเสพติดด้วยนวัตกรรม Read More »

ประชาสัมพันธ์เข้าร่วมงานเผยแพร่ วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568

ประชาสัมพันธ์เข้าร่วมงานเผยแพร่ วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.00–13.00 น. ณ หอประชุมชุณหะวัณ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ

และรูปแบบออนไลน์ ผ่านระบบ ZOOM Meeting ID: 882 0669 6729 Passcode: 1234

📌แบบลงทะเบียนประชุมทางวิชาการเพื่อเผยแพร่และขยายผลการดำเนินงาน📌

ประชาสัมพันธ์เข้าร่วมงานเผยแพร่ วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 Read More »

E-book มาตรฐานสากลในการบำบัดรักษาปัญหาการใช้สารเสพติด

Powered By EmbedPress

E-book มาตรฐานสากลในการบำบัดรักษาปัญหาการใช้สารเสพติด Read More »

E-book การขับเคลื่อนการปฎิรูปนโยบายยาเสพติด

Powered By EmbedPress

E-book การขับเคลื่อนการปฎิรูปนโยบายยาเสพติด Read More »

วันที่ 2-6 ก.พ.68 เวลา 08.00 – 17.00 น. โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ในนาม ศูนย์กลางองค์ความรู้ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด (PSDP-Hub) และ ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านการบังคับใช้กฎหมายยาเสพติด (DLET-Hub) ได้ร่วมแสดงนิทรรศการในงาน “วันนักประดิษฐ์ 2568 Thailand Inventors ‘Day 2025”

ภาพกิจกรรม เมื่อวันที่ 2-6 ก.พ.68 เวลา 08.00 – 17.00 น. โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ในนาม ศูนย์กลางองค์ความรู้ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด (PSDP-Hub) และ ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านการบังคับใช้กฎหมายยาเสพติด (DLET-Hub) ได้ร่วมแสดงนิทรรศการในงาน “วันนักประดิษฐ์ 2568 Thailand Inventors ‘Day 2025” จัดโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) บางน

 

 

 

า กทม.

วันที่ 2-6 ก.พ.68 เวลา 08.00 – 17.00 น. โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ในนาม ศูนย์กลางองค์ความรู้ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด (PSDP-Hub) และ ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านการบังคับใช้กฎหมายยาเสพติด (DLET-Hub) ได้ร่วมแสดงนิทรรศการในงาน “วันนักประดิษฐ์ 2568 Thailand Inventors ‘Day 2025” Read More »

ศ.พล.ต.ต.ชัชนันท์ ลีระเติมพงษ์ ได้เปิดกิจกรรมระดมสมองวิชาการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ครั้งที่ 2

วันศุกร์ที่ 7 ก.พ.68 เวลา 09.00 – 12.00 น.
ศ.พล.ต.ต.ชัชนันท์ ลีระเติมพงษ์
รักษาการแทน รองผู้บัญชาการ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ/ผู้บริหารศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านการบังคับใช้กฎหมายยาเสพติด(DLET-hub) ได้เปิดกิจกรรมระดมสมองวิชาการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ครั้งที่ 2 ณ ห้องสามพราน บช.รร.นรต. และผ่านระบบ Zoom ซึ่งดำเนินการโดยศูนย์กลางองค์ความรู้ต้นแบบด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด (PSDP-Hub) และศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านการบังคับใช้กฎหมายยาเสพติด (DLET-Hub) ในกิจกรรมฯ ประกอบด้วย

✅ การแนะนำการขับเคลื่อนการดำเนินงานของศูนย์ฯ โดย พ.ต.ท.วิชิต อาษากิจ คณาจารย์คณะตำรวจศาสตร์ รร.นรต. และ พ.ต.ต.ดร.ปริญญา สีลานันท์ คณาจารย์คณะนิติวิทยาศาสตร์ รร.นรต.

✅ กิจกรรมการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ และบรรยายพิเศษ เรื่อง บัญชีม้าคดียาเสพติด โดย ดร.สันติ ผิวทองคำ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดสวรรคโลก

✅ กิจกรรมระดมความคิดเห็นร่วมเสนอโจทย์วิจัยฯ บรรยายพิเศษเรื่อง เทคนิคการเขียนข้อเสนอโครงการวิจัยให้ได้ทุน โดย ศ.พล.ต.ต.หญิง พัชรา สินลอยมา ผู้บริหารศูนย์กลางองค์ความรู้ ต้นแบบด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด

✅ กิจกรรมร่วมเล่นเกมตอบคำถาม Kahoot เพื่อรับของรางวัล

 

ศ.พล.ต.ต.ชัชนันท์ ลีระเติมพงษ์ ได้เปิดกิจกรรมระดมสมองวิชาการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ครั้งที่ 2 Read More »

📚ประชาสัมพันธ์เข้าร่วมกิจกรรมระดมสมองเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้

📚 ขอประชาสัมพันธ์เข้าร่วมกิจกรรมระดมสมองเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ โดยสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม ผ่านลิงก์ลงทะเบียน https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSdWPFFoJy22qgVECi3zBt2AFn7YdJ-EBNDS7lqiTDIdxU2QHw/viewform?usp=sharing 📚

ในวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เวลา เวลา 08.30 – 12.00 น. ในรูปแบบออนไลน์ผ่านโปรแกรม Zoom (Meeting ID: 810 2909 4492 Passcode: 1234)

📚ประชาสัมพันธ์เข้าร่วมกิจกรรมระดมสมองเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ Read More »